เมื่อมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ใด อำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการสถานศึกษา จะยังคงมีอยู่ตามปกติในส่วนของการบริหารจัดการสถานศึกษา การจัดการเรียนการสอน และการดูแลบุคลากรและนักเรียน แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมในบางประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของฝ่ายทหารที่เพิ่มขึ้นภายใต้กฎอัยการศึก โดยสรุปได้ดังนี้


อำนาจหน้าที่ตามปกติ

ผู้อำนวยการสถานศึกษาจะยังคงมีอำนาจหน้าที่หลักในการบริหารจัดการสถานศึกษาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ดังนี้:

  • การบริหารงานบุคคล: ควบคุมดูแลการบริหารงานบุคคลให้สอดคล้องกับนโยบาย กฎระเบียบ พิจารณาความดีความชอบ ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร
  • การบริหารกิจการสถานศึกษา: วางแผนการปฏิบัติงาน ควบคุม กำกับ ดูแลกิจการของสถานศึกษาในทุกด้าน เช่น วิชาการ งบประมาณ อาคารสถานที่ ธุรการ และอื่นๆ
  • การจัดการเรียนการสอน: กำกับดูแลการจัดทำหลักสูตร การจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามมาตรฐาน
  • การดูแลนักเรียน: ดูแลความปลอดภัย สวัสดิภาพ และพัฒนาการของนักเรียน
  • การประสานงาน: ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน
  • การรายงานผล: จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับกิจการของสถานศึกษา
  • การออกประกาศนียบัตร/วุฒิบัตร: อนุมัติการออกประกาศนียบัตรและวุฒิบัตรของสถานศึกษา

อำนาจหน้าที่ที่อาจได้รับผลกระทบหรือมีการเปลี่ยนแปลงภายใต้กฎอัยการศึก

เมื่อมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารจะมีอำนาจพิเศษเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสถานศึกษาและอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการสถานศึกษาในบางแง่มุม ดังนี้:

  • การปฏิบัติตามคำสั่งของฝ่ายทหาร: ผู้อำนวยการสถานศึกษาและบุคลากรในสถานศึกษาอาจต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารในเรื่องที่เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย เช่น การห้ามมั่วสุมประชุม การห้ามออกนอกเคหสถานในเวลาที่กำหนด การควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคม การห้ามเผยแพร่ข้อมูลบางประเภท
  • การเข้าใช้พื้นที่: เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจในการเข้าใช้สถานที่ใดๆ ที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์ในราชการทหาร ซึ่งอาจรวมถึงพื้นที่ของสถานศึกษา
  • การขอความร่วมมือ: ฝ่ายทหารอาจขอความร่วมมือในการใช้ทรัพยากร บุคลากร หรือข้อมูลจากสถานศึกษาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคง
  • การควบคุมการทำกิจกรรม: กิจกรรมบางอย่างของสถานศึกษา เช่น การชุมนุม การจัดกิจกรรมสาธารณะ อาจถูกจำกัดหรือต้องได้รับอนุญาตจากฝ่ายทหาร
  • มาตรการความปลอดภัย: ผู้อำนวยการสถานศึกษาต้องเพิ่มความระมัดระวังและวางมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในสถานศึกษาให้เข้มงวดขึ้นตามสถานการณ์และคำแนะนำของฝ่ายทหาร

ข้อควรปฏิบัติของผู้อำนวยการสถานศึกษาในพื้นที่กฎอัยการศึก

  1. ทำความเข้าใจประกาศ: ศึกษาและทำความเข้าใจประกาศและคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับกฎอัยการศึกในพื้นที่อย่างละเอียด
  2. ประสานงาน: ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายทหารในพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินงานของสถานศึกษาเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ขัดต่อกฎหมาย
  3. แจ้งข้อมูล: สื่อสารข้อมูลที่จำเป็นและถูกต้องให้แก่บุคลากร นักเรียน และผู้ปกครอง เพื่อลดความตื่นตระหนกและสร้างความเข้าใจ
  4. ปรับแผนการดำเนินงาน: ปรับแผนการดำเนินงานของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์และข้อจำกัดที่เกิดขึ้นภายใต้กฎอัยการศึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความปลอดภัยของนักเรียนและบุคลากร

โดยสรุปแล้ว แม้กฎอัยการศึกจะให้อำนาจแก่ฝ่ายทหารเพิ่มขึ้น แต่ผู้อำนวยการสถานศึกษายังคงมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการสถานศึกษาให้ดำเนินต่อไปได้ภายใต้กรอบของกฎหมายและความปลอดภัยสูงสุดสำหรับทุกคนในสถานศึกษา

หากมีข้อสงสัยหรือสถานการณ์เฉพาะที่เกิดขึ้น ควรปรึกษาหน่วยงานต้นสังกัดและฝ่ายทหารในพื้นที่เพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุดครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *